วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

การบริหารจัดการเงิน Money Management แบบ Money Farm

         ในการลงทุนสิ่งที่สำคัญนอกเหนือจากการลงทุนให้ถูกจังหวะแล้ว อีกสิ่งหนึ่งคือการบริหารจัดการเงินลงทุนครับ ซึ่งแต่ละคนจะมีวิธีบริหาารเงินลงทุนที่ไม่เหมือนกัน บางคนใช้จำนวนเงินที่ยอมให้เสียได้เป็นตัวกำหนด บางคนใช้กำหนดอัตราผลตอบแทนและความเสี่ยง สำหรับผมจะเลือกใช้การแบ่ง % การลงทุนของเงินจำนวนเต็มใน port ครับ โดย port สำหรับการลงทุนสำหรับผมจะมีอยู่สองประเภทคือ

1. port การลงทุนแบบคงที่ (Fixed Investment Fund Port) หมายถึงคุณมีเงินสำหรับลงทุนอยู่ก้อนหนึ่งและ ไม่มีการเพิ่มเติมเงินเข้ามาใน port อีก port ประเภทนี้จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการที่เหมาะสม เพราะเหมือนคุณใช้เงินลงทุนทั้งหมดมาลงทุน และสิ่งที่สำคัญก็คือการรักษาเงินต้นให้ได้ สำหรับผลตอบแทนจะตามมาขึ้นอยู่กับความเสี่ยงครับ

2. port การลงทุนแบบเติมเงิน (Dollar Cost Port) เป็น port ที่มีการสะสมเงินไปเรื่อยๆ แบบตามรอบเช่น รายสัปดาห์ รายเดือน และมีการลงทุนไปตามจังหวะ ซึ่ง port ประเภทนี้ก็จำเป็นต้องมีการทำ Money Management เช่นกันเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

นอกจากนี้ port ทั้งสองแบบที่ผมกล่าวมานักลงทุนจำเป็นต้องกำหนดระยะเวลาในการลงทุนที่ชัดเจน เช่น 3 เดือน 6 เดือน หรือ 3 ปี เป้นต้นโดยไม่นำเงินที่ใช้ในการลงทุนออกมาใช้งาน จะเห็นว่า port ที่ผมกล่าวมานี้ไม่มีการสร้างกระแสเงินสดนะครับเป็นการลงทุนให้ครบรอบของการลงทุน และมีการกำหนดเป้าหมายการใช้เงินที่ชัดเจน โดยปกติผมจะกำหนดกำไรต่อปีประมาณ 30% ครับ

หลังจากเราทราบแล้วว่า port ของเราเป็นแบบใด และกำหนดระยะเวลาลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้วาในส่วนของ Money Management ผมจะใช้วิธีนี้ครับ
1. กำหนดจำนวนหุ้นใน port ว่าเราจะลงทุนหุ้นกี่บริษัท โดยทั่วไปผมจะกำหนดไว้ 3-5 บริษัท หรือใครอาจจะกำหนดการลงทุนมากกว่านี้ก็ได้ครับ โดยอาจจะกำหนดหุ้นแบบ defensive stock ไว้กินปันผลซัก 1-2 บริษัท แล้วเหลือไว้ให้กับหุ้นเติบโต กับ เก็งกำไรก็ได้ครับ
2. กำหนดสัดส่วนเงินสดที่จะมีไว้ใน port ตลอดเวลา โดยปกติผมจะปรับเปลี่ยนไปตามตลาดครับ เช่นตลาดขาขึ้นผมก็จะเหลือไว้เพียง 10-20% แต่สำหรับตลาดขาลงผมจะกำหนดให้เหลือไว้ 40-60% ครับ
3. เมื่อได้สัดส่วนระหว่างเงินสดกับหุ้นแล้วทีนี้เราก็จะมาจัดการ port กันครับ โดยดูจากจำนวนหุ้นที่เราจะถือใน port เช่น 3 บริษัทก็นำจำนวนเงินที่เหลือจากเงินสดมาแบ่งให้เท่าๆ กัน
4. กำหนดจำนวนเงินลงทุนของการเข้าซื้อในแต่ละครั้งของแต่ละบริษัทที่จะลงทุน อันนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจกับจำนวนเงินเลยครับ บางคนอาจชอบแบบสองไม้ หรือ อาจจะห้าไม้ก็แล้วแต่นะครับ

ทีนี้มาลองดูตัวอย่างกันครับผมใช้ port แบบคงที่มาเป็นตัวอย่างนะครับ มีเงิน 1,000,000 บาท
1. ผมเลือกหุ้นที่จะลงทุนทั้งหมด 3 บริษัทได้แก่ PTT, ADVANC, BBL (พลังงาน, สื่อสาร, ธนาคาร เพื่อกระจายความเสี่ยง ทุกตัวเลือกแบบมีปันผลกรณีติดดอยก็ยังได้ปันผลครับ)
2. กำหนดเงินสดที่เหลือใน port 20% = 200,000 บาท เงินจำนวนนี้จะถูกใช้สองกรณีเท่านั้นครับคือ เมื่อตลาดตกลงอย่างหนัก (มากกว่า 60 จุดใน 1 วัน เพื่อทำการซื้อหุ้นกลับ) และเมื่อเราถัวจนหมดไม้สุดท้ายแล้วและยังลงต่อครับ (หลักการถัวหุ้นผมจะแนะนำในบทความอีกอันหนึ่งภายหลังนะครับ)
3. ตอนนี้เราจะเหลือเงินสด 800,000 บาท แบ่งออกเป้น 3 ส่วนเพื่อลงทุนหุ้น 3 บริษัท โดยแบ่งได้ตัวละ 270,000; 260,000; 260,000
เหลือเศษไว้ 10,000 บาท ไปรวมกับเงินสดครับ
4. กำหนดจำนวนครั้งที่จะลงทุน โดยผมแบ่งเป้นสัดส่วนเท่าๆ กันผมจะลงทุนทั้งหมด 2 ไม้นะครับจะได้ (135,000;135,000), (130,000;130,000), (130,000;130,000)

เราจะลงเงินตามจังหวะการลงทุนครับ โดยอาจใช้ Technical Analysis หรือ Fundamental เพื่อหาจังหวะการลงทุนในแต่ละไม้ครับ

เป็นอย่างไรบ้างครับการทำ Money Management เพื่อลดความเสี่ยง สำหรับจังหวะการลงทุนหรือวิธีการถัว ผมจะบอกให้ในบทความต่อไป การแบ่งเงินคุณสามารถทำได้อย่างอิสระนะครับในอัตราส่วนที่เหมาะกับแต่ละบุคคล สิ่งที่ผมแบ่งปันเป็นเพียงแนวทางครับหวังว่าคงมีประโยชน์สำหรับนักลงทุนนะครับ

1 ความคิดเห็น:

Comments system

Disqus Shortname